วัดร่องขุ่นเป็นศาสนสถานที่สำคัญแห่งหนึ่งของเชียงราย โดดเด่นด้วยสถาปัตยกรรมที่มีลวดลายอ่อนช้อยและสีขาวโพลน สวยงามมากยามต้องแสงอาทิตย์ นอกจากนี้ยังมีสัญลักษณ์ทางพุทธศาสนาที่คอยเตือนใจผู้ที่แวะมาสักการะอีกด้วย
วัดร่องขุ่นเริ่มสร้างตั้งแต่พ.ศ. 2540 เป็นเวลาเกือบ 20 ปีแล้ว แต่ปัจจุบันยังไม่เสร็จสมบูรณ์ดี ในอดีตวัดร่องขุ่นเป็นวัดเล็กๆ บนพื้นที่ 3 ไร่ที่เสื่อมโทรม ต่อมาอาจารย์เฉลิมชัย โฆษิตพิพัฒน์ จิตกรจังหวัดเชียงราย ศิลปินแห่งชาติ สาขาทัศนศิลป์ (จิตรกรรม) ในปี พ.ศ. 2554 ได้ตัดสินใจที่จะปรับปรุงวัดในบ้านเกิดแห่งนี้ใหม่ ด้วยแรงศรัทธาในศาสนาและความปรารถนาที่จะสร้างสมบัติให้กับประเทศไทย และสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 9 จากคำกล่าวที่ว่า “ผมหวังที่จะสร้างงานพุทธศิลป์ที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัวของผมให้ปรากฏเป็นงาน ศิลปะที่ยิ่งใหญ่ชิ้นหนึ่งของโลกมนุษย์นี้ให้ได้ เพื่อประกาศความยิ่งใหญ่ของประเทศชาติของผมไปสู่มวลมนุษยชาติทั้งโลก” โดยอาจารย์เฉลิมชัยออกแบบและลงมือก่อสร้างเองด้วยทุนทรัพย์ส่วนตัว รวมถึงเงินบริจาคที่จำกัดให้บริจาคได้ไม่เกินครั้งละ 10,000 บาท เพื่อแสดงเจตนารมย์ว่าสร้างด้วยศรัทธาและเพื่อศิลปะล้วนๆ ไม่ได้ต้องการสิ่งอื่นใด
วัดร่องขุ่นมีตัวอุโบสถเป็นสีขาวบริสุทธิ์ดูสะอาดตาและโดดเด่นเป็นสง่า อีกทั้งยังประดับประดาอย่างวิจิตรอลังการ ทั้งช่อฟ้า ใบระกา และลวดลายอ่อนช้อยอื่นๆ อีกมากเป็นเชิงชั้นลดหลั่นกันไป หน้าบันประดับด้วยพญานาค ทั้งยังมีการประดับกระจกระยิบระยับ ซึ่งมีความหมายเชิงสัญลักษณ์ สีขาวหมายถึง พระบริสุทธิคุณ ส่วนกระจกหมายถึงพระปัญญาธิคุณของพระพุทธเจ้าที่ส่องแสงโชติช่วงไปกว้างไกล ตัวพระอุโบสถสร้างอยู่บนเนินเตี้ยๆ ที่มีทะเลสาบใสสะอาดสะท้อนเงาอาคาร ทางเดินเข้าอุโบสถที่สะพานทอดยาวอันหมายถึง การเดินข้ามวัฏสงสารมุ่งสู่พุทธภูมิ ส่วนบนของหลังคาโบสถ์ได้นำหลักธรรมอันสำคัญยิ่งของการปฏิบัติจิต 3 ข้อ คือ ศีล สมาธิ ปัญญา มาแสดงออกในรูปของสัตว์ในช่อฟ้าชั้นต่างๆ นอกจากนี้ภายในยังมีภาพจิตกรรมฝาผนังภายในพระอุโบสถและห้องแสดงภาพวาด ฝีมืออาจารย์เฉลิมชัยอีกมากมายที่ไม่ควรพลาดชม เปิดให้ชมทุกวัน 06.30 – 18.00 น. ห้องแสดงภาพเปิดให้เข้าชมวันจันทร์-ศุกร์ เวลา 08.00-17.30 น. วันเสาร์ อาทิตย์ และวันหยุดราชการ เวลา 08.00-18.00 น.
การเดินทางมาวัดร่องขุ่น สามารถใช้เส้นทางถนนสายเชียงราย-กรุงเทพฯ ถ้ามาจากกรุงเทพฯ หรือเชียงใหม่ วัดร่องขุ่นจะอยู่ก่อนถึงตัวเมืองเชียงราย 13 กิโลเมตร ตรงหลักกิโลเมตรที่ 816 ถนนพลหลโยธิน (หมายเลข 1 / A2) เลี้ยวขวาที่สามแยกทางไปน้ำตกขุนกรณ์ ประมาณ 100 เมตร วัดอยู่ซ้ายมือ หรือ สามารถขึ้นรถสองแถวสีน้ำเงินได้ที่สถานีขนส่งเชียงรายเก่าและลงปากทางเข้าวัด
ติดต่อสอบถามเพิ่มเติม: วัดร่องขุ่น โทรศัพท์ 0 5367 3579, ททท. สำนักงานเชียงราย โทรศัพท์ 0 5371 7433 และศูนย์บริหารจัดการการท่องเที่ยว จังหวัดเชียงราย โทรศัพท์ 0 5371 5690
*หมายเหตุ* เนื่องจากเหตุการณ์แผ่นดินไหวปี 2557 จึงทำให้วัดเกิดความเสียหายหลายจุด
ดอยแม่สลอง
ดอยแม่สลองเป็นอีกหนึ่งดอยที่มีชื่อเสียงของจังหวัดเชียงราย ตั้งอยู่ที่ ตำบลแม่สลองนอก อำเภอแม่ฟ้าหลวง อากาศเย็นสบายตลอดปี รายได้หลัก มาจากการปลูกชาอู่หลง ที่นี่เป็นที่ตั้งของหมู่บ้านสันติคีรี ชุมชนชาวจีนที่อพยพมาตั้งแต่ พ.ศ.2504 ปัจจุบันมีชาวเขาอาศัยอยู่หลายเผ่า ความน่าสนใจของดอยสลองอยู่ที่ ความสวยงามของธรรมชาติ อากาศเย็นสดชื่น วัฒนธรรมชาวเขา และสถานที่ท่องเที่ยว
ดอยแห่งนี้เหมาะมากที่จะแวะมาท่องเที่ยวในฤดูหนาวช่วงเดือนธันวาคมถึงกุมภาพันธ์ มาพักผ่อนที่นี่จะได้สัมผัสอากาศเย็นๆ ชมวิวทะเลหมอกแล้วจิบน้ำชาหอมๆ อุ่นๆ ไปพลาง จากนั้นเดินเล่นไร่ชา ทักทายชาวเขา ที่มีเครื่องแต่งกายสีสันสดใสและเครื่องเงินห้อยระย้าสวยงามเป็นเอกลักษณ์ แล้วเดินกินลมใต้ร่มนางพญาเสือโคร่งสีชมพูอมขาวที่บานสะพรั่งตลอดแนวทางขึ้นดอยแม่สลอง หรือที่รู้จักกันว่าเป็นซากุระเมืองไทยที่หาดูได้ยากมาก
แหล่งท่องเที่ยวสำคัญ ได้แก่ ไร่ชาเขียวขจีลดหลั่นเป็นขั้น ที่ชิมชาฟรีและสอนวิธีชงชา ไร่ชาที่มีชื่อเสียงคือ ไร่ 101 ใกล้ที่พักคุ้มนายพล และไร่ชาวังพุฒตาล
สุสานนายพลด้วนอยู่บนเนินเหนือหมู่บ้าน แยกขึ้นไปทางด้านข้างคุ้มนายพลรีสอร์ต ประมาณ 1 กม. สุสานตกแต่งสวยงาม มีประวัติศาสตร์ให้ศึกษา และยังเป็นจุดชมวิวที่ยอดเยี่ยมทั้งชมวิวหุบเขาและชมดอกนางพญาเสือโคร่งด้วย
อนุสรณ์สถานอดีตทหารจีนคณะชาติภาคเหนือประเทศไทย เปิดบริการทุกวัน เวลา 08.00-17.00 น. ค่าเข้าชม 30 บาท โทร. 0 5376 5170, 0 5376 5180
กิจกรรมแปลกใหม่ คือ ขี่ม้าชมทิวทัศน์รอบหมู่บ้านเจียงจาใส
นอกจากนี้อีกหนึ่งจุดชมวิวที่สวยงามมาก คือ พระบรมธาตุเจดีย์ศรีนครินทราสถิตมหาสันติคีรี เหนือหมู่บ้านสันติคีรีไปทางเหนือ ราวๆ 4 กม.มีถนนลาดยางตัดขึ้นไปถึงพระบรมธาตุฯ แต่ถนนคดเคี้ยว ที่นี่เป็นจุดสูงสุดของเทือกเขาดอยแม่สลอง มองเห็นทิวทัศน์กว้างไกล และพระอาทิตย์ตกดิน
การเดินทางสะดวก เป็นถนนลาดยางตลอดสาย ใช้เส้นทางเชียงราย-แม่จัน 28 กิโลเมตร เลยจากอำเภอแม่จันไป 1 กิโลเมตร มีทางแยกซ้ายไป 23 กิโลเมตร ผ่านหมู่บ้านผาเดื่อ ซึ่งเป็นจุดแวะชมและซื้อหัตถกรรมชาวเขา จากนั้นเดินทางจากบ้านอีก้อสามแยก (ทางขวาไปหมู่บ้านเทิดไทย) ตรงไปดอยแม่สลอง ระยะทาง 10 กิโลเมตร รวมระยะทางจากเชียงราย 64 กิโลเมตร และจากดอยแม่สลองมีถนนเชื่อมต่อไปถึงบ้านท่าตอน อำเภอฝาง จังหวัดเชียงใหม่ ระยะทาง 45 กิโลเมตร
ในกรณีไม่ได้ขับรถมาเองให้ขึ้นรถประจำทางจากตัวเมืองเชียงรายไปต่อรถสองแถวที่ปากทางขึ้นดอยแม่สลอง โทร. 08 1024 0813 (ค่ารถคนละ 50 บาท เหมา 400 บาท ไป-กลับ 800 บาท)
ต้องการข้อมูลเพิ่มเติมติดต่อที่ ศูนย์ประสานงานนำเที่ยวชุมชุน HOMESTAY และกางเต็นท์ โทร. 0 5371 0024, 08 5038 6362 อบต. แม่สลองนอก โทร. 0 5376 5129
ดอยแม่สลองเป็นอีกหนึ่งดอยที่มีชื่อเสียงของจังหวัดเชียงราย ตั้งอยู่ที่ ตำบลแม่สลองนอก อำเภอแม่ฟ้าหลวง อากาศเย็นสบายตลอดปี รายได้หลัก มาจากการปลูกชาอู่หลง ที่นี่เป็นที่ตั้งของหมู่บ้านสันติคีรี ชุมชนชาวจีนที่อพยพมาตั้งแต่ พ.ศ.2504 ปัจจุบันมีชาวเขาอาศัยอยู่หลายเผ่า ความน่าสนใจของดอยสลองอยู่ที่ ความสวยงามของธรรมชาติ อากาศเย็นสดชื่น วัฒนธรรมชาวเขา และสถานที่ท่องเที่ยว
ดอยแห่งนี้เหมาะมากที่จะแวะมาท่องเที่ยวในฤดูหนาวช่วงเดือนธันวาคมถึงกุมภาพันธ์ มาพักผ่อนที่นี่จะได้สัมผัสอากาศเย็นๆ ชมวิวทะเลหมอกแล้วจิบน้ำชาหอมๆ อุ่นๆ ไปพลาง จากนั้นเดินเล่นไร่ชา ทักทายชาวเขา ที่มีเครื่องแต่งกายสีสันสดใสและเครื่องเงินห้อยระย้าสวยงามเป็นเอกลักษณ์ แล้วเดินกินลมใต้ร่มนางพญาเสือโคร่งสีชมพูอมขาวที่บานสะพรั่งตลอดแนวทางขึ้นดอยแม่สลอง หรือที่รู้จักกันว่าเป็นซากุระเมืองไทยที่หาดูได้ยากมาก
แหล่งท่องเที่ยวสำคัญ ได้แก่ ไร่ชาเขียวขจีลดหลั่นเป็นขั้น ที่ชิมชาฟรีและสอนวิธีชงชา ไร่ชาที่มีชื่อเสียงคือ ไร่ 101 ใกล้ที่พักคุ้มนายพล และไร่ชาวังพุฒตาล
สุสานนายพลด้วนอยู่บนเนินเหนือหมู่บ้าน แยกขึ้นไปทางด้านข้างคุ้มนายพลรีสอร์ต ประมาณ 1 กม. สุสานตกแต่งสวยงาม มีประวัติศาสตร์ให้ศึกษา และยังเป็นจุดชมวิวที่ยอดเยี่ยมทั้งชมวิวหุบเขาและชมดอกนางพญาเสือโคร่งด้วย
อนุสรณ์สถานอดีตทหารจีนคณะชาติภาคเหนือประเทศไทย เปิดบริการทุกวัน เวลา 08.00-17.00 น. ค่าเข้าชม 30 บาท โทร. 0 5376 5170, 0 5376 5180
กิจกรรมแปลกใหม่ คือ ขี่ม้าชมทิวทัศน์รอบหมู่บ้านเจียงจาใส
นอกจากนี้อีกหนึ่งจุดชมวิวที่สวยงามมาก คือ พระบรมธาตุเจดีย์ศรีนครินทราสถิตมหาสันติคีรี เหนือหมู่บ้านสันติคีรีไปทางเหนือ ราวๆ 4 กม.มีถนนลาดยางตัดขึ้นไปถึงพระบรมธาตุฯ แต่ถนนคดเคี้ยว ที่นี่เป็นจุดสูงสุดของเทือกเขาดอยแม่สลอง มองเห็นทิวทัศน์กว้างไกล และพระอาทิตย์ตกดิน
การเดินทางสะดวก เป็นถนนลาดยางตลอดสาย ใช้เส้นทางเชียงราย-แม่จัน 28 กิโลเมตร เลยจากอำเภอแม่จันไป 1 กิโลเมตร มีทางแยกซ้ายไป 23 กิโลเมตร ผ่านหมู่บ้านผาเดื่อ ซึ่งเป็นจุดแวะชมและซื้อหัตถกรรมชาวเขา จากนั้นเดินทางจากบ้านอีก้อสามแยก (ทางขวาไปหมู่บ้านเทิดไทย) ตรงไปดอยแม่สลอง ระยะทาง 10 กิโลเมตร รวมระยะทางจากเชียงราย 64 กิโลเมตร และจากดอยแม่สลองมีถนนเชื่อมต่อไปถึงบ้านท่าตอน อำเภอฝาง จังหวัดเชียงใหม่ ระยะทาง 45 กิโลเมตร
ในกรณีไม่ได้ขับรถมาเองให้ขึ้นรถประจำทางจากตัวเมืองเชียงรายไปต่อรถสองแถวที่ปากทางขึ้นดอยแม่สลอง โทร. 08 1024 0813 (ค่ารถคนละ 50 บาท เหมา 400 บาท ไป-กลับ 800 บาท)
ต้องการข้อมูลเพิ่มเติมติดต่อที่ ศูนย์ประสานงานนำเที่ยวชุมชุน HOMESTAY และกางเต็นท์ โทร. 0 5371 0024, 08 5038 6362 อบต. แม่สลองนอก โทร. 0 5376 5129
วนอุทยานภูชี้ฟ้า
วนอุทยานภูชี้ฟ้าอยู่ในเขตป่าสงวนแห่งชาติ ป่าแม่อิงฝั่งขวาและป่าแม่งาว ท้องที่บ้านร่มฟ้าทอง หมู่ที่ 9 และบ้านร่มฟ้าไทย หมู่ที่ 10 ตำบลปอ อำเภอเวียงแก่น จังหวัดเชียงราย สถานที่แห่งนี้ครั้งหนึ่งเคยเป็นสมรภูมิรบที่เกิดจากความขัดแย้งทางความคิดและนโยบายการบริหารการปกครองระหว่างกลุ่มคนที่จัดตั้งตนเป็นพรรคคอมมิวนิสต์แห่งประเทศไทยและเจ้าหน้าที่รัฐที่ต้องเข้ามาปราบปรามหลังจากมีเหตุการณ์นองเลือด แต่หลังจากเรื่องราวต่างๆได้คลี่คลายลง ความสงบสุขได้กลับคืนสู่ผืนป่าอีกครั้ง ความสวยงามของสถานที่แห่งนี้จึงได้ถูกค้นพบและบอกเล่ากล่าวขานกันเรื่อยมา
วนอุทยานแห่งนี้อยู่สูงจากระดับน้ำทะเล 1200-1628 เมตร มีหน้าผาสูงที่มีแนวยื่นเข้าไปในประเทศลาว และสูงที่สุดในเทือกเขาดอยผาหม่น จุดนี้เองที่เป็นจุดชมวิวที่ได้ชื่อว่าสวยที่สุดแห่งหนึ่ง อากาศบนยอดเขาแห่งนี้จะค่อนข้างเย็นแต่มีฤดูกาลเป็นลักษณะแบบมรสุมเมืองร้อน แบ่งเป็น 3 ฤดูกาล ได้แก่ ฤดูร้อน เริ่มตั้งแต่เดือนมีนาคม ถึง พฤษภาคม ฤดูฝน เริ่มตั้งแต่เดือนมิถุนายน ถึง ตุลาคม และฤดูหนาว เริ่มตั้งแต่เดือนพฤศจิกายน ถึง กุมภาพันธ์
วนอุทยานแห่งนี้นักท่องเที่ยวนิยมเดินทางมาในช่วงฤดูหนาวเพื่อที่จะได้สัมผัสอากาศที่หนาวเย็น และได้ชมความงามของดอกชงโคป่าสีขาวที่ออกดอกบานสะพรั่ง นอกจากนี้การเดินทางมาในช่วงนี้ยังจะได้สัมผัสทะเลหมอกที่เหมือนดั่งประโยคที่ว่า “สายหมอกโอบกอดขุนเขา” สามารถกางเต็นต์พักผ่อนได้
การเดินทาง
ภูชี้ฟ้าอยู่ห่างจากอำเภอเมือง จังหวัดเชียงราย ประมาณ 144 กิโลเมตร การเดินทางจากอำเภอเมือง จังหวัดเชียงราย ไปยังภูชี้ฟ้าได้ตามแนวเส้นทางดังนี้
1.จากอำเภอเมืองเชียงรายไปอำเภอเทิง ผ่านสามแยกโรงเรียนภูซางวิทยาคม บ้านสบบงและสามแยกบ้านม่วงชุมแล้วเดินทางต่อไป ก็จะถึงภูชี้ฟ้า
2.ไปตามทางหลวงจังหวัดสาย 1093 ผ่านน้ำตกภูซาง ด่านบ้านฮวก
เส้นทางสายนี้เป็นทางลาดยาง 104 กิโลเมตรและทางดินลูกรัง 40 กิโลเมตร ผ่านจุดท่องเที่ยวสำคัญ 3 แห่งได้แก่ น้ำตกภูซาง (อุทยานแห่งชาติภูซาง) ด่านบ้านฮวก หมู่บ้านชายแดนไทย – สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว และศูนย์ส่งเสริมเกษตรที่สูงดอยผาหม่น
วนอุทยานภูชี้ฟ้าอยู่ในเขตป่าสงวนแห่งชาติ ป่าแม่อิงฝั่งขวาและป่าแม่งาว ท้องที่บ้านร่มฟ้าทอง หมู่ที่ 9 และบ้านร่มฟ้าไทย หมู่ที่ 10 ตำบลปอ อำเภอเวียงแก่น จังหวัดเชียงราย สถานที่แห่งนี้ครั้งหนึ่งเคยเป็นสมรภูมิรบที่เกิดจากความขัดแย้งทางความคิดและนโยบายการบริหารการปกครองระหว่างกลุ่มคนที่จัดตั้งตนเป็นพรรคคอมมิวนิสต์แห่งประเทศไทยและเจ้าหน้าที่รัฐที่ต้องเข้ามาปราบปรามหลังจากมีเหตุการณ์นองเลือด แต่หลังจากเรื่องราวต่างๆได้คลี่คลายลง ความสงบสุขได้กลับคืนสู่ผืนป่าอีกครั้ง ความสวยงามของสถานที่แห่งนี้จึงได้ถูกค้นพบและบอกเล่ากล่าวขานกันเรื่อยมา
วนอุทยานแห่งนี้อยู่สูงจากระดับน้ำทะเล 1200-1628 เมตร มีหน้าผาสูงที่มีแนวยื่นเข้าไปในประเทศลาว และสูงที่สุดในเทือกเขาดอยผาหม่น จุดนี้เองที่เป็นจุดชมวิวที่ได้ชื่อว่าสวยที่สุดแห่งหนึ่ง อากาศบนยอดเขาแห่งนี้จะค่อนข้างเย็นแต่มีฤดูกาลเป็นลักษณะแบบมรสุมเมืองร้อน แบ่งเป็น 3 ฤดูกาล ได้แก่ ฤดูร้อน เริ่มตั้งแต่เดือนมีนาคม ถึง พฤษภาคม ฤดูฝน เริ่มตั้งแต่เดือนมิถุนายน ถึง ตุลาคม และฤดูหนาว เริ่มตั้งแต่เดือนพฤศจิกายน ถึง กุมภาพันธ์
วนอุทยานแห่งนี้นักท่องเที่ยวนิยมเดินทางมาในช่วงฤดูหนาวเพื่อที่จะได้สัมผัสอากาศที่หนาวเย็น และได้ชมความงามของดอกชงโคป่าสีขาวที่ออกดอกบานสะพรั่ง นอกจากนี้การเดินทางมาในช่วงนี้ยังจะได้สัมผัสทะเลหมอกที่เหมือนดั่งประโยคที่ว่า “สายหมอกโอบกอดขุนเขา” สามารถกางเต็นต์พักผ่อนได้
การเดินทาง
ภูชี้ฟ้าอยู่ห่างจากอำเภอเมือง จังหวัดเชียงราย ประมาณ 144 กิโลเมตร การเดินทางจากอำเภอเมือง จังหวัดเชียงราย ไปยังภูชี้ฟ้าได้ตามแนวเส้นทางดังนี้
1.จากอำเภอเมืองเชียงรายไปอำเภอเทิง ผ่านสามแยกโรงเรียนภูซางวิทยาคม บ้านสบบงและสามแยกบ้านม่วงชุมแล้วเดินทางต่อไป ก็จะถึงภูชี้ฟ้า
2.ไปตามทางหลวงจังหวัดสาย 1093 ผ่านน้ำตกภูซาง ด่านบ้านฮวก
เส้นทางสายนี้เป็นทางลาดยาง 104 กิโลเมตรและทางดินลูกรัง 40 กิโลเมตร ผ่านจุดท่องเที่ยวสำคัญ 3 แห่งได้แก่ น้ำตกภูซาง (อุทยานแห่งชาติภูซาง) ด่านบ้านฮวก หมู่บ้านชายแดนไทย – สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว และศูนย์ส่งเสริมเกษตรที่สูงดอยผาหม่น
แม่น้ำกก
แม่น้ำกก เป็นแม่น้ำที่คอยหล่อเลี้ยงชาวเชียงราย มีต้นน้ำอยู่ในบริเวณเทือกเขาชายแดนพม่า ไหลเข้าเขตไทยที่ท่าตอน ไหลผ่านตัวเมืองเชียงรายไปบรรจบกับแม่น้ำโขงที่บ้านสบกก เชียงแสน มีความยาวรวมทั้งสิ้น 130 กิโลเมตร แม่น้ำแห่งนี้มีความสำคัญต่อวัฒนธรรมล้านนา เพราะพบการตั้งเมืองอยู่โดยรอบลำน้ำ สำหรับชื่อแม่น้ำกกนั้น อาจมีที่มาจากต้นกกที่ขึ้นเรียงรายอยู่ริมน้ำ ปัจจุบันแม่น้ำกกแห่งนี้มีทัศนียภาพที่สวยงาม เหมาะแก่การไปพักผ่อนอย่างยิ่ง
การมาเที่ยวแม่น้ำกกนั้น จุดเด่นสำคัญคือการล่องเรือไปตามลำน้ำ เพื่อชมธรรมชาติสองฟากฝั่งน้ำ โดยเริ่มจากท่าเรือสะพานแม่ฟ้าหลวงในตัวเมืองไปยังบ้านกะเหรี่ยงรวมมิตร หมู่บ้านที่ได้รับการพัฒนาให้เหมาะแก่การท่องเที่ยงแบบขี่ช้างชมวิถีชีวิตชาวเขา เช่น ชาวอีก้อ ชาวลีซอ ลาหู่ ไทลือ ม้ง มีการแสดงวัฒนธรรมชนเผ่า ร้านของที่ระลึกและหากใครอยากพักค้างคืนก็มีโฮมสเตย์ไว้บริการ หากมากันเป็นหมู่คณะ ควรติดต่อล่วงหน้าอย่างน้อย 3 วัน ที่ อบต.แม่ยาว หมายเลขโทรศัพท์ 05-373-7359-11 อัตราค่าบริการขี่ช้างขึ้นอยู่กับระยะทางแต่ละเส้น ส่วนค่าเรือนั้น ค่าเช่าเรือเหมาลำ 900-1000 บาท นั่งได้ 8 คน ใช้เวลาในการเดินทางประมาณ 1 ชั่วโมง
ขึ้นชื่อเรื่องล่องน้ำแล้ว ก็ยังมีกิจกรรมอื่นๆ อีกเช่น กิจกรรมเหมาะกับคนที่ชอบผจญภัยอย่างการล่องแก่ง และการล่องแม่น้ำอย่างอิสระด้วยการพายเรือคายัด กิจกรรมเด่นอีกอย่างหนึ่งเมื่อมาที่นี่คือการอาบน้ำแร่-แช่น้ำพุร้อน ตลอดเส้นทางลำน้ำกกแห่งนี้มีแหล่งอาบน้ำแร่หลายที่ เช่น บ่อน้ำร้อนห้วยหมากเหลี่ยม น้ำพุร้อนโป่งพระบาท และน้ำพุร้อนผาเสริฐซึ่งใกล้กับหมู่บ้านกะเหรี่ยงรวมมิตร เป็นต้น
นับว่าแม่น้ำกกควรค่าแก่การมาเยี่ยมเยือนอย่างยิ่ง เพราะให้ความสนุกครบรส ทั้งตื่นเต้น ผจญภัยจากการล่องแม่น้ำ สัมผัสความงามจากธรรมชาติสองฝั่งน้ำ ตื่นตากับวัฒนธรรมชาวเขาเผ่าต่างๆ และได้รักษาสุขภาพจากการแช่น้ำพุร้อนธรรมชาติอีกด้วย
แม่น้ำกก เป็นแม่น้ำที่คอยหล่อเลี้ยงชาวเชียงราย มีต้นน้ำอยู่ในบริเวณเทือกเขาชายแดนพม่า ไหลเข้าเขตไทยที่ท่าตอน ไหลผ่านตัวเมืองเชียงรายไปบรรจบกับแม่น้ำโขงที่บ้านสบกก เชียงแสน มีความยาวรวมทั้งสิ้น 130 กิโลเมตร แม่น้ำแห่งนี้มีความสำคัญต่อวัฒนธรรมล้านนา เพราะพบการตั้งเมืองอยู่โดยรอบลำน้ำ สำหรับชื่อแม่น้ำกกนั้น อาจมีที่มาจากต้นกกที่ขึ้นเรียงรายอยู่ริมน้ำ ปัจจุบันแม่น้ำกกแห่งนี้มีทัศนียภาพที่สวยงาม เหมาะแก่การไปพักผ่อนอย่างยิ่ง
การมาเที่ยวแม่น้ำกกนั้น จุดเด่นสำคัญคือการล่องเรือไปตามลำน้ำ เพื่อชมธรรมชาติสองฟากฝั่งน้ำ โดยเริ่มจากท่าเรือสะพานแม่ฟ้าหลวงในตัวเมืองไปยังบ้านกะเหรี่ยงรวมมิตร หมู่บ้านที่ได้รับการพัฒนาให้เหมาะแก่การท่องเที่ยงแบบขี่ช้างชมวิถีชีวิตชาวเขา เช่น ชาวอีก้อ ชาวลีซอ ลาหู่ ไทลือ ม้ง มีการแสดงวัฒนธรรมชนเผ่า ร้านของที่ระลึกและหากใครอยากพักค้างคืนก็มีโฮมสเตย์ไว้บริการ หากมากันเป็นหมู่คณะ ควรติดต่อล่วงหน้าอย่างน้อย 3 วัน ที่ อบต.แม่ยาว หมายเลขโทรศัพท์ 05-373-7359-11 อัตราค่าบริการขี่ช้างขึ้นอยู่กับระยะทางแต่ละเส้น ส่วนค่าเรือนั้น ค่าเช่าเรือเหมาลำ 900-1000 บาท นั่งได้ 8 คน ใช้เวลาในการเดินทางประมาณ 1 ชั่วโมง
ขึ้นชื่อเรื่องล่องน้ำแล้ว ก็ยังมีกิจกรรมอื่นๆ อีกเช่น กิจกรรมเหมาะกับคนที่ชอบผจญภัยอย่างการล่องแก่ง และการล่องแม่น้ำอย่างอิสระด้วยการพายเรือคายัด กิจกรรมเด่นอีกอย่างหนึ่งเมื่อมาที่นี่คือการอาบน้ำแร่-แช่น้ำพุร้อน ตลอดเส้นทางลำน้ำกกแห่งนี้มีแหล่งอาบน้ำแร่หลายที่ เช่น บ่อน้ำร้อนห้วยหมากเหลี่ยม น้ำพุร้อนโป่งพระบาท และน้ำพุร้อนผาเสริฐซึ่งใกล้กับหมู่บ้านกะเหรี่ยงรวมมิตร เป็นต้น
นับว่าแม่น้ำกกควรค่าแก่การมาเยี่ยมเยือนอย่างยิ่ง เพราะให้ความสนุกครบรส ทั้งตื่นเต้น ผจญภัยจากการล่องแม่น้ำ สัมผัสความงามจากธรรมชาติสองฝั่งน้ำ ตื่นตากับวัฒนธรรมชาวเขาเผ่าต่างๆ และได้รักษาสุขภาพจากการแช่น้ำพุร้อนธรรมชาติอีกด้วย
ไร่ชาฉุยฟง ตั้งอยู่ในเขตพื้นที่บ้านพญาไพร ตำบลเทอดไทย อำเภอแม่ฟ้าหลวงและอำเภอแม่จัน จังหวัดเชียงราย เป็นแหล่งปลูกชา ชั้นดี ของ บริษัท ฉุยฟงที จำกัด ซึ่งป็นผู้ผลิตใบชารายใหญ่ที่สุดใน จังหวัดเชียงราย โดยมีประสบการณ์ยาวนาน ในการเพาะปลูก ชามากว่า 40 ปี ปัจจุบัน บริษัท ฉุยฟง เป็นผู้ผลิตชาผู้จัดจำหน่ายและผู้ส่งออก มีกลุ่มเป้าหมายหลัก คือ ผู้ใช้ทาง ด้านอุตสาหกรรม เช่น โออิชิ มาลี ยูนีฟ ลิปตัน เป็นต้น สวนชาตั้งอยู่บนเนื้อที่กว่า1,000 ไร่ ตั้งอยู่ในภูมิประเทศแถบเทือกเขาสูง ซึ่งอยู่บนพื้นที่ี่สูงกว่า ระดับน้ำทะเลกว่า 1,200 เมตร มีความสวยงามของไร่ชาที่กว้างใหญ่ กว่าพันไร่ โดยจะปลูกโค้งวน ตามสันเขาและลดหลั่นเป็น ขั้นบันได ซึ่งดูสวยงามแปลกตากว่าไร่ชาที่อื่น ทำให้ ไร่ชาฉุยฟง กลายเป็น แหล่งท่องเที่ยวที่น่าสนใจใน ภายในไร่ชานอกจากจะ ได้ชมทัศนียภาพที่สวยงามของไร่ชาแล้ว ยังมีร้านอาหารเมนูยอดนิยม เช่น ยำทูน่า สปาเก็ตตี้ยูนาน หมั่นโถวใบชานุ่มอร่อยสุดๆๆ
ไร่บุญรอด หรือสิงห์ปาร์ค เชียงราย เป็นไร่ของบริษัท บุญรอด ผู้ผลิตเบียร์สิงห์ เส้นทางเดียวกับวัดร่องขุน อ.เมือง จ.เชียงราย เป็นแหล่งท่องเที่ยวเชิงเกษตรที่สวยงาม ภายในไร่บุญรอดมีการจัดแต่งสวนดอกไม้เมืองหนาวสีสันสวยงามนานาชนิด มีพื้นที่เกษตรกรรมและไร่ชากว่า 600 ไร่ โดยจัดเป็นรูปแบบฟาร์มทัวร์ให้ผู้ที่สนใจได้เข้ามาเยี่ยมชมไร่บุญรอด ปลูกพืชหลายชนิดตามความเหมาะสมกับสภาพดิน ทั้งไม้ผล อาทิ พุทรา มะเฟือง สตอเบอรี่ มะเขือเทศ ลิ้นจี่ ลำไย มีชาพันธุ์อู่หลง และการทำฟาร์มปศุสัตว์ เลี้ยงวัวนม เป็นต้นรวมทั้งแปลงเกษตรผสมผสานและพื้นที่จัดสวนดอกไม้นานาพรรณ ให้นักท่องเที่ยวได้ถ่ายภาพ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น